เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วานนี้ (18 มีนาคม 2565) ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่ตำบลตลาดไทร อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา แรงลมได้หอบเอาหลังคาบ้านเรือนประชาชนบางส่วน ปลิวหายไปกับสายลม และแผงขายสินค้าของฝากของที่ระลึก ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายประทาย – บ้านใหม่ชัยพจน์ ก็ถูกลมพัดพังเสียหาย ข้าวของกระจัดกระจาย แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ กระแสลมที่พัดกระโชกรุนแรง ได้ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงล้มจำนวนหลายต้น กระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ปริมาณฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำระบายไม่ทัน เกิดน้ำท่วมขังผิวจราจร ช่วงผ่านตัวเมืองประทาย สามารถสัญจรได้เพียง 1 ช่องทาง รถจึงติดสะสมหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ทางหลวงฯ ต้องเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังผิวจราจร และอำนวยความสะดวกการจราจร จนเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ โดยระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอประทาย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานให้จังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ทราบแล้ว เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอย่างเร่งด่วน และเตรียมการป้องกันผลกระทบจากพายุฤดูที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไปขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา เผยวันนี้ (19 มี.ค.) ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
เช้าวันนี้ (3 มีนาคม 2565) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากโรงงานแปรรูปแป้งมันสำปะหลัง ตั้งอยู่ที่ริมถนนราชสีมา-โชคชัย ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่าได้ทำการตรวจ ATK คนงานในโรงงานกว่า 300 คน เพื่อค้นหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ปรากฏว่าพบคนงานมีผลเป็นบวกจำนวน 14 ราย ทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ให้นำรถตู้ความดันลบวิ่งเข้าไปรับคนงานที่มีผลเป็นบวกทั้ง 14 ราย โดยแบ่งเป็นคนงานหญิง จำนวน 9 ราย และคนงานชาย จำนวน 5 ราย เดินทางมาตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันผลอีกครั้งที่บริเวณคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ หน้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นจะให้กลับไปรักษาตัวอยู่ในพื้นที่กักตัวภายในโรงงาน พร้อมกับทำการสอบสวนโรคเพื่อขยายผลในการเฝ้าระวังและป้องกันต่อไป ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูงขณะนี้มีอยู่ประมาณ 100 ราย โดยทางโรงงานได้จัดสถานที่ให้กักตัวอยู่ภายในโรงงานทั้งหมดแล้ว